วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555

หนาวนี้ที่ ภูทับเบิก-เพชรบูรณ์-เขาค้อ

"ภูทับเบิก" อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์

               หนาวนี้ไม่รู้จะไปไหนดี... ?? เมื่อความหนาวมาเยือน นักท่องเที่ยวต่างก็ทยอยขึ้นดอยสัมผัสความหนาว ทะเลหมอก และบรรยากาศที่เย็นสดชื่น โดยเฉพาะคนเมืองที่น้อยครั้งจะได้สัมผัสความหนาวเย็นจริง ๆ


                 ขอแนะนำให้ลองขึ้น "ภู" สัมผัสความหนาวเย็นในโซนภาคเหนือตอนล่าง ชมความสวยงามของดินแดนกระหล่ำปลี เพลิดเพลินกันสีสันสวยงามยามค่ำคืนของดวงดาว ณ จุดที่สูงที่สุดของ จ.เพชรบูรณ์ สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด กับอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี พร้อมโอบกอดทะเลหมอกแสนสวย ที่ "ภูทับเบิก" รับรองว่าการเดินทางมาท่องเที่ยวในครั้งนี้จะทำให้คุณประทับใจไปอีกนาน !!  


                "ภูทับเบิก"  มีทัศนียภาพความสวยงามด้วยธรรมชาติแบบทะเลภูเขา ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาแบบ 360 องศา เนื่องจากภูทับเบิกอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,768 เมตร และยังเป็นจุดร่องลมพัดผ่านของภูเขาหิมาลัย ทำให้ภูทับเบิกมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี 


              ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ซึ่งแต่ก่อนเคยมีอาชีพปลูกฝิ่นขายเหมือนกับชาวเขาในจังหวัดอื่นๆ แต่ต่อมาเมื่อมีการเข้าปราบปราม ชาวบ้านจึงเปลี่ยนอาชีพมาทำการเกษตรแบบขั้นบันได เปลี่ยนมาปลูกกะหล่ำปลี และพืชเมืองหนาวแทน


           และด้วยอากาศที่เหมาะสมจึงทำให้ภูทับเบิก เป็นแหล่งปลูกกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ภูเขาหลายลูกเต็มไปด้วยต้นกะหล่ำปลีกว้างใหญ่ไปจนสุดสายตา ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เห็นแต่ไร่กะหล่ำปลี 


            ยิ่งถ้ามาในช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้หล่ะก็ สวยงามมากของกะหล่ำปลีที่ชาวบ้านปลูกไว้ทั่วทั้งภูเขาโตเต็มที ระหว่างจะเห็นชาวบ้านเก็บกะหล่ำปลีขายกัน โดยจะมีรถกระบะมาจอดรับซื้อกะหล่ำปลีตลอดเส้นทาง


             ถึงแม้เส้นทางจะเป็นทางขึ้นเขาที่คดเคี้ยวไปมา แต่เดินทางขึ้นยังภูทับเบิกก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะถนนหนทางที่นี่สะดวกสบายดีไม่น้อย อีกทั้งยังเป็นเส้นทางเชื่อมโยงไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่สำคัญของจังหวัดเพชรบูรณ์ เช่น อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เขาค้อ อีกด้วย




             ถ้าหากใครเห็นต้นกะหล่ำปลีเยอะๆ แล้วเกิดคันไม้คันมืออยากจะลองเป็นชาวไร่ ลุกขึ้นมาเก็บกะหล่ำปลีดูบ้าง ก็สามารถสอบถามชาวบ้านแถวนั้นได้นะคะ ชาวบ้านเขาใจดีค่ะ แถมยังขายกะหล่ำปลีให้เราในราคาไม่แพงอีกด้วย แค่นี้เราก็สามารถลงมือเลือกเก็บกะหล่ำปลีได้ตามใจชอบแล้ว


                   สำหรับใครที่มาแต่ไม่ได้ค้างคืน ถือว่าพลาดโอกาสมาก ที่จะได้ชมทิวทัศนในตอนกลางคืน ที่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากหมู่บ้านเหมือนดวงดาวที่ระยิบระยับ เปรียบได้กับ"ดูดาวบนดิน" และพลาดความงดงามของพระอาทิตย์ขึ้น พร้อมกับสัมผัสกับทะเลหมอกที่ลอยตัดตัดกับยอดเทือกเขาเพชรบูรณ์ในยามเช้า


                  ส่วนใครที่อยากจะมากางเต้นท์นอน ไม่ต้องกังวลไปนะค่ะ ว่าจะยุ่งยาก เพราะบนนี้มีบริการให้เช่าทั้งเต็นท์ + เครื่องนอน และอุปกรณ์จำเป็นต่างๆ มีห้องน้ำ-ห้องอาบน้ำสะดวกสบายพอสมควร (เสียอย่างเดียวคือยังไม่มีน้ำอุ่นให้บริการ) นอกจากนี้ยังมีร้านค้าขายอาหารไว้บริการด้วย






ขอบคุณแหล่งที่มาจาก :  http://travel.edtguide.com/76028_Phu-Tub-Berk-

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น